ปรมาจารย์เซียนปฐพี – ตำนานหมอดูผู้ถูกลืม กับพลังแห่งสวรรค์ที่สั่นสะเทือนทั่วแผ่นดิน

ซีรีส์จีนแนวแฟนตาซี–กำลังภายในเรื่อง “ปรมาจารย์เซียนปฐพี” คือหนึ่งในเรื่องที่เปิดโลกแห่ง “พลังลึกลับและชะตาฟ้า” ได้อย่างทรงพลังและอลังการที่สุดแห่งปี เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ถือกำเนิดจากสำนักพยากรณ์เทียนซือ สำนักที่มีหน้าที่ “อ่านฟ้า ทำนายดิน และชี้ชะตาแห่งโลก”
เขาเริ่มต้นจากเพียงศิษย์ผู้น้อยผู้ไร้ชื่อเสียงและถูกดูแคลน แต่ด้วยพรสวรรค์ในการ “เห็นชะตาและควบคุมพลังธาตุทั้งห้า” ทำให้โชคชะตาของเขาเริ่มพลิกผันอย่างมหาศาล ทว่าเส้นทางของ “ผู้รู้ฟ้า” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะสิ่งที่ต้องเผชิญกลับเป็นการทรยศ การแย่งชิงอำนาจ และศัตรูที่พร้อมทำลายเขาเพื่อช่วงชิง “พลังปฐพี” ที่สวรรค์มอบให้เพียงหนึ่งเดียวในรอบพันปี
ขณะเดียวกันอีกฟากหนึ่งของเรื่อง — โลกของ “หมอดูยากจน” ที่เคยช่วยหญิงสาวจนร่ำรวยแต่กลับถูกลืมเลือน — ได้สะท้อนให้เห็นความจริงอันโหดร้ายของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ชายผู้ถือโชคในมือกลับต้องเดินอย่างเดียวดายในเงามืดของโลกที่เขาเคยช่วยไว้
สองเส้นเรื่องที่แตกต่างกัน — หนึ่งคือพลังแห่งฟ้า อีกหนึ่งคือหัวใจของมนุษย์ — กลับค่อย ๆ เชื่อมโยงเข้าหากันอย่างแยบยล เมื่อความจริงเปิดเผยว่า หมอดูผู้ยากไร้นั้น… แท้จริงคือ “อดีตจิตแห่งเซียนผู้ถูกผนึก” ซึ่งกำลังจะฟื้นคืนขึ้นอีกครั้ง เพื่อทวงคืนความยุติธรรมแห่งฟ้าและดิน
ภาพของเรื่องถ่ายทอดด้วยโทนเข้มแต่สง่างาม ผสมระหว่าง “ศิลปะยุทธโบราณ” กับ “เวทอาคมแห่งธรรมชาติ” ได้อย่างน่าทึ่ง การใช้พลังธาตุทั้งห้า—ดิน น้ำ ไฟ ลม โลหิต—ถูกนำเสนอด้วยเทคนิคภาพระดับภาพยนตร์ ทำให้ทุกฉากต่อสู้ดูยิ่งใหญ่และตรึงตา โดยเฉพาะฉาก “หมอดูฟื้นพลังใต้บัลลังก์ฟ้า” ที่กลายเป็นฉากในตำนานของซีรีส์เรื่องนี้
แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทำให้ ปรมาจารย์เซียนปฐพี เป็นมากกว่าซีรีส์กำลังภายในทั่วไป คือ “ความลึกของจิตใจตัวละคร” ที่ไม่ได้เพียงต่อสู้เพื่ออำนาจ แต่ต่อสู้เพื่อศรัทธา ความยุติธรรม และการให้อภัย
เรื่องนี้จึงไม่เพียงทำให้หัวใจผู้ชมเต้นแรงกับฉากต่อสู้ แต่ยังทำให้สะเทือนใจกับคำถามใหญ่ของชีวิต —
“เมื่อมนุษย์ลืมบุญคุณของฟ้า แล้วฟ้าจะยังให้อภัยมนุษย์หรือไม่?”
ในทุกตอนของเรื่อง ผู้ชมจะได้เห็นการเติบโตของตัวเอกจากชายผู้ไร้พลัง สู่การเป็น “ปรมาจารย์แห่งปฐพี” ที่สามารถควบคุมชะตาฟ้าได้ด้วยจิตใจที่มั่นคงและเปี่ยมเมตตา
และสุดท้าย เมื่อฟ้าและดินสั่นสะเทือน เขาคือเพียงผู้เดียวที่สามารถเชื่อมสองสิ่งเข้าด้วยกัน — ไม่ใช่ด้วยพลังเวทหรือกำลังยุทธ แต่ด้วย “หัวใจของมนุษย์” ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
เส้นทางสู่ปรมาจารย์เทียนซือ – จากศิษย์ผู้น้อยสู่ผู้ทำนายฟ้าที่โลกต้องสั่นสะเทือน
เรื่องราวของ “ปรมาจารย์เซียนปฐพี” เริ่มต้นอย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง — ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เกิดในสำนักพยากรณ์เทียนซือ สำนักที่ว่ากันว่ามีอายุยืนยาวกว่าพันปี และเป็นสถานที่ที่ฟ้าเลือกมอบ “ผู้ทำนายโชคชะตาแห่งโลก” ในทุกยุคทุกสมัย
เขาชื่อว่า หลิงอวิ๋นเทียน เด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดยอาจารย์เฒ่าเทียนหมิง หมอดูผู้มีชื่อเสียงในยุทธภพ แต่ถูกผู้คนมองว่าเป็นเพียงคนแก่สติไม่ดี เพราะมักพูดคำทำนายแปลกประหลาดและใช้ชีวิตอย่างสมถะในกระท่อมริมเขา ทว่าในความจริงแล้ว เทียนหมิงคือหนึ่งในอดีต “ผู้ดูแลคัมภีร์แห่งฟ้า” ที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายสิบปีก่อน
หลิงอวิ๋นเทียนเติบโตมาอย่างอ่อนน้อมและมุ่งมั่น เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านพลังยุทธเหมือนศิษย์คนอื่น แต่กลับมี “ดวงตาแห่งฟ้า” ที่สามารถมองเห็นคลื่นพลังของโลกได้ชัดเจนจนเกินมนุษย์ ความสามารถนี้ทำให้เขาถูกทั้งอิจฉาและหวาดกลัวจากเพื่อนร่วมสำนัก เพราะในสำนักเทียนซือ มีคำพยากรณ์โบราณกล่าวไว้ว่า
“เมื่อแสงแห่งปฐพีเปิด ดวงตาที่เห็นสวรรค์จะชี้ชะตาทุกชีวิต”
และดวงตานั้น… ปรากฏในตัวของหลิงอวิ๋นเทียน
แต่เส้นทางของ “ผู้ถูกเลือก” ไม่ได้ราบรื่น เขาต้องผ่านการฝึกฝนที่แสนทรมาน ทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องเรียนรู้การควบคุมพลังธาตุทั้งห้า — ดิน น้ำ ลม ไฟ และโลหิต — ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพยากรณ์และการต่อสู้ในสำนักนี้
ทุกการทำนายที่ผิดพลาดหมายถึง “บทลงโทษ” ที่อาจทำให้วิญญาณแตกสลาย เขาต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับ “พลังของโชคชะตา” โดยไม่ปล่อยให้มันกลืนกินตัวตนของตนเอง
ในขณะเดียวกัน สำนักเทียนซือเองก็กำลังตกอยู่ในวิกฤต มีการแตกแยกระหว่าง “สายโหราศาสตร์ฟ้า” กับ “สายอาคมธาตุ” ที่ต่างแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าสำนัก เมื่ออาจารย์เฒ่าเทียนหมิงหายตัวไปอย่างลึกลับ หลิงอวิ๋นเทียนจึงกลายเป็น “เบี้ยหมาก” ในเกมอำนาจของผู้ใหญ่ในสำนัก
แต่ในความมืดมิดนั้น เขาได้ค้นพบพลังบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในคัมภีร์โบราณ — “คัมภีร์แห่งปฐพี” — ตำราที่สามารถปลุกพลังแห่งโลกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง พลังนี้ไม่ใช่ของมนุษย์ทั่วไปจะควบคุมได้ และทุกครั้งที่เขาใช้มัน ดวงตาของเขาจะเปล่งแสงสีทอง แผ่นดินรอบตัวจะสั่นสะเทือน และโชคชะตาของผู้คนจะเริ่มเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจคาดเดา
จากศิษย์ผู้น้อยที่ไม่มีใครสนใจ หลิงอวิ๋นเทียนค่อย ๆ กลายเป็นชื่อที่สำนักต้องจดจำ แต่ยิ่งเขาเข้าใกล้พลังของฟ้า เขาก็ยิ่งต้องเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย —
ฟ้ามิได้เลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด หากแต่เลือก “ผู้ที่ต้องสูญเสียมากที่สุด”
เส้นทางของเขาจึงไม่ใช่เพียงการไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าสำนัก แต่คือการต่อสู้กับโชคชะตาที่ต้องการ “ทดสอบหัวใจของเซียน” ทุกลมหายใจ
และเมื่อเขาค้นพบว่าแท้จริงแล้ว คำทำนายที่เคยบอกว่า “ดวงตาที่เห็นฟ้า จะเปลี่ยนโลก” นั้น หมายถึงเขาเอง… โลกทั้งใบจึงเริ่มสั่นไหวอย่างแท้จริง
ศึกแห่งพยากรณ์และการหักหลัง – เมื่อฟ้าไม่อาจคาดเดาได้ และศัตรูที่แท้จริงคือ “คนใกล้ตัว”
หลังจากหลิงอวิ๋นเทียนเริ่มได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสในสำนักเทียนซือ เส้นทางของเขาดูเหมือนจะเริ่มสว่างไสว แต่ในความรุ่งโรจน์นั้นกลับซ่อน “เงามืด” ที่กำลังรอเวลาฉีกทำลายทุกอย่างที่เขารัก
ภายในสำนักเกิดความแตกแยกอย่างหนัก — “สายฟ้าพยากรณ์” ที่ยึดมั่นในหลักธรรมและคำทำนายแห่งสวรรค์ กับ “สายมืดอาคม” ที่เชื่อว่าชะตาฟ้าสามารถถูกเปลี่ยนได้ด้วยพลังของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างใช้เล่ห์กลทางพลังและจิตวิทยาเพื่อแย่งชิง “คัมภีร์แห่งปฐพี” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการเป็นหัวหน้าสำนักคนใหม่
หลิงอวิ๋นเทียนอยู่ตรงกลางของศึกนี้โดยไม่ตั้งใจ เขาเป็นเพียงศิษย์ที่ต้องการรักษาสำนักให้คงอยู่ แต่กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือในเกมการเมืองของผู้อาวุโสทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะ “อี้จิ้งหวง” ศิษย์พี่ใหญ่ที่ภายนอกดูสงบสุขุม แต่แท้จริงกลับเป็นคนที่ทะเยอทะยานยิ่งกว่าใคร
ในคืนหนึ่งที่มีพายุรุนแรง สายฟ้าฟาดลงกลางลานฝึกยุทธ “หอทำนายชะตา” ถูกลอบเผา และในกองเพลิงนั้น หลิงอวิ๋นเทียนถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ขโมยคัมภีร์แห่งปฐพี เขาถูกสั่งขับออกจากสำนัก ท่ามกลางสายตาของศิษย์และผู้อาวุโสที่เคยชื่นชม
คืนเดียวกันนั้นเอง เขาได้พบกับชายชราผู้หนึ่งในตลาดร้าง — “หมอดูยากจน” ที่เคยทำนายอนาคตให้หญิงสาวผู้ร่ำรวยจนได้ดี แต่กลับถูกทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย หมอดูคนนั้นพูดกับเขาเพียงประโยคเดียวว่า
“เจ้ามองเห็นฟ้า แต่เจ้าลืมมองดิน… ฟ้าที่ไร้ดินคือพลังที่ไร้ราก”
คำพูดนั้นเหมือนค้อนทุบกลางหัวใจ หลิงอวิ๋นเทียนเริ่มเข้าใจว่าแท้จริงแล้ว พลังแห่งฟ้าไม่อาจเกิดผลได้หากปราศจากหัวใจที่เชื่อมกับผืนดิน — หัวใจของมนุษย์
เขาจึงเริ่มฝึกพลังรูปแบบใหม่ โดยใช้จิตเชื่อมโยงพลังของผู้คนรอบตัว แทนที่จะพึ่งพาเพียงโชคชะตา และในกระบวนการนั้น เขาได้ค้นพบความจริงอันสั่นสะเทือน — หมอดูชราผู้นั้นแท้จริงคือ “อดีตหัวหน้าสำนักเทียนซือ” ที่สละตำแหน่งเพื่อหนีจากความโลภของมนุษย์
เมื่ออดีตปรมาจารย์เห็นความมุ่งมั่นของหลิงอวิ๋นเทียน เขาจึงมอบ “ผนึกดินฟ้า” ให้ — พลังสูงสุดที่สามารถเชื่อมโลกและสวรรค์ได้ในคราวเดียว แต่พลังนี้ต้องแลกด้วยสิ่งที่ไม่มีใครอยากเสีย... “จิตแห่งชีวิต”
จากนั้น หลิงอวิ๋นเทียนจึงตัดสินใจกลับไปยังสำนักอีกครั้ง — ไม่ใช่เพื่อแก้แค้น แต่เพื่อ “คืนสมดุลให้กับฟ้าและดิน”
และเมื่อเขาก้าวเท้ากลับไปใต้ประตูสำนัก เสียงระฆังแห่งโชคชะตาดังก้องทั่วหุบเขา นั่นคือสัญญาณของ “การพยากรณ์ครั้งสุดท้ายของโลกมนุษย์”
สำนักเทียนซือที่เคยเป็นสำนักแห่งธรรม กลับกลายเป็นสนามรบของอำนาจ
ผู้ศิษย์ต่อสู้กันด้วยพลังแห่งดวงดาว
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แผ่นดินแตกสะเทือน
และในกลางความโกลาหลนั้น ดวงตาของหลิงอวิ๋นเทียนเปล่งแสงสีทองขึ้นอีกครั้ง
เขากลายเป็น “ผู้พยากรณ์ฟ้า” อย่างสมบูรณ์ แต่ครั้งนี้... ไม่ได้เพื่อใครทั้งนั้น
นอกจากเพื่อ “โลกที่เขารัก”
คำพยากรณ์สุดท้ายแห่งปฐพี – เมื่อสวรรค์ต้องชำระโลก และผู้ถูกเลือกต้องเดิมพันด้วยชีวิต
เสียงระฆังแห่งเทียนซือดังสะท้อนทั่วหุบเขาอีกครั้ง นั่นคือสัญญาณของ “คำพยากรณ์สุดท้ายแห่งปฐพี” — คำทำนายที่กล่าวไว้ในจารึกโบราณว่า “เมื่อฟ้าและดินไม่อาจอยู่ร่วมกัน จะมีหนึ่งคนที่ต้องกลายเป็นสะพานเชื่อมโลกทั้งสอง”
หลิงอวิ๋นเทียนในตอนนี้ไม่ใช่เพียงศิษย์ผู้น้อยอีกต่อไป เขาคือผู้ครอบครอง “ผนึกดินฟ้า” และเป็นผู้เดียวที่เข้าใจความหมายแท้จริงของพลังแห่งปฐพี เขารู้ว่าการคืนสมดุลให้กับฟ้าและดินไม่ได้หมายถึงการเอาชนะศัตรู — แต่มันหมายถึง “การยอมสละทุกสิ่ง” เพื่อให้โลกได้กลับมาสงบ
ขณะที่เขากลับเข้าสู่สำนักเทียนซืออีกครั้ง แผ่นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน พายุแห่งเวทมนตร์ปั่นป่วนท้องฟ้า พลังอาคมจากศิษย์นับพันปะทะกันราวกับคลื่นพายุแห่งโชคชะตา ท้องฟ้าส่องด้วยแสงสีน้ำเงินเข้ม ราวกับสวรรค์กำลังเปิดประตูลงมาชำระโลก
ศัตรูของเขา — “อี้จิ้งหวง” ศิษย์พี่ผู้เคยเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุด ได้กลายเป็นปีศาจแห่งธาตุมืดหลังดูดกลืนพลังจาก “คัมภีร์ฟ้า” เขาประกาศตนเป็น “เทพผู้เปลี่ยนชะตา” และตั้งใจจะทำลายสำนักเทียนซือทั้งหมด เพื่อสร้างโลกใหม่ที่มนุษย์จะเป็นผู้ลิขิตโชคชะตาเอง
ฉากต่อสู้ระหว่าง “ฟ้าแท้” และ “ฟ้าเทียม” เริ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ —
หลิงอวิ๋นเทียนใช้พลังธาตุทั้งห้า ผสานกับจิตแห่งมนุษย์ ปะทะกับอี้จิ้งหวงที่ควบคุมสายฟ้าและเงาแห่งความมืด การต่อสู้กินเวลานานหลายชั่วยาม ฟ้าผ่ากลางหุบเขา ดินแยกออกเป็นหลุมลึก ราวกับฟ้ากำลังร้องไห้ให้กับโชคชะตาของมนุษย์
ในช่วงชั่วขณะที่พลังทั้งสองกำลังปะทะกัน หลิงอวิ๋นเทียนเห็นภาพอดีตซ้อนเข้ามา — หมอดูชราผู้มอบพลังให้เขา หญิงสาวผู้เคยทอดทิ้งบุญคุณ และโลกที่หมุนไปอย่างไม่รู้คุณของผู้ให้ เขาเข้าใจในวินาทีนั้นว่า “มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ต้องควบคุม แต่คือสิ่งที่ต้องปกป้อง”
เขาจึงเลือกทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด —
ปล่อยให้พลังทั้งหมดของตนเองไหลกลับสู่พื้นดิน กลายเป็น “พลังแห่งชีวิต” ที่หล่อเลี้ยงโลกอีกครั้ง
แสงสีทองพุ่งขึ้นจากผืนดินสู่ท้องฟ้า คลื่นพลังบริสุทธิ์แผ่ไปทั่วทั้งยุทธภพ ศัตรูที่เคยเกลียดกันหยุดต่อสู้ พลังมืดที่เคยปกคลุมโลกเริ่มจางหายไป อี้จิ้งหวงถูกชำระล้างด้วยพลังแห่งปฐพีจนกลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาอีกครั้ง
แต่แลกกับสิ่งนั้น — หลิงอวิ๋นเทียนต้องสูญเสียร่างกายและจิตวิญญาณ เขากลายเป็นเพียงเงาแห่งแสงที่ค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ
ก่อนจะสลาย เขาทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ว่า
“ข้าไม่ใช่ผู้ทำนายฟ้าอีกต่อไป แต่เป็นเพียงคนหนึ่ง… ที่อยากให้โลกใบนี้มีวันพรุ่งนี้”
และนั่นคือคำพยากรณ์สุดท้ายแห่งปฐพี — คำทำนายที่ไม่ถูกจารึกในคัมภีร์ใด แต่ถูกเขียนไว้ในหัวใจของมนุษย์ทุกคน
มรดกแห่งเซียนและจิตวิญญาณที่ไม่สลาย – เมื่อคำพยากรณ์กลายเป็นแสงแห่งความหวังของมนุษย์
หลังการสละวิญญาณของหลิงอวิ๋นเทียน โลกที่เคยปั่นป่วนกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง ท้องฟ้าที่เคยมืดมิดกลายเป็นสีทองอ่อน ราวกับสวรรค์เองก็หลั่งน้ำตาให้ชายผู้กล้าเสียสละเพื่อโลกทั้งใบ “ผนึกดินฟ้า” ที่เคยอยู่ในมือของเขาแตกสลาย กลายเป็นเศษแสงกระจายไปทั่วแผ่นดิน แต่แทนที่จะหายไป มันกลับแทรกซึมเข้าสู่ผู้คนทุกชีวิต
นับแต่นั้นมา ผู้คนที่เคยเห็นแก่ตัวเริ่มช่วยเหลือกันโดยไม่รู้สาเหตุ
เด็กยากจนที่เคยสิ้นหวังเริ่มมีฝันอีกครั้ง
แม้แต่ศิษย์ในสำนักเทียนซือที่เคยแตกแยก ก็เริ่มรวมตัวกันเพื่อสร้าง “หอพยากรณ์ใหม่”
และตั้งชื่อให้มันว่า — หอหลิงอวิ๋น เพื่อรำลึกถึงชายผู้เชื่อมฟ้าและดินด้วยหัวใจ
ศัตรูเก่าของเขาอย่าง “อี้จิ้งหวง” หลังรอดชีวิตจากพลังปฐพี ก็ได้สำนึกในความผิดและใช้ชีวิตที่เหลือเดินทางไปช่วยเหลือผู้คนทั่วแผ่นดิน โดยถือคัมภีร์ที่ถูกหลิงอวิ๋นเทียนชำระล้างไว้เป็นสัญลักษณ์ของการให้อภัย เขากล่าวในฉากสุดท้ายที่ตรึงใจผู้ชมว่า
“ในวันที่ข้าอยากครอบครองฟ้า ข้าแพ้
แต่ในวันที่ข้าอยากเข้าใจมนุษย์ ข้ากลับได้ฟ้าคืนมา”
ภาพสุดท้ายของเรื่องคือหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมหุบเขา ที่เด็กชายคนหนึ่งกำลังตั้งโต๊ะไม้เก่าพร้อมป้ายเขียนว่า “พยากรณ์โชคเล็ก ๆ” เขามีแววตาเปล่งแสงทองเพียงแวบเดียวก่อนยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาคือใคร…
แต่ผู้ชมรู้ทันทีว่า — วิญญาณของหลิงอวิ๋นเทียนได้กลับมาในอีกร่างหนึ่งแล้ว
ซีรีส์ “ปรมาจารย์เซียนปฐพี” ปิดฉากด้วยพลังที่งดงามและลึกซึ้ง มันไม่ได้จบด้วยการต่อสู้ หากแต่จบด้วย “การตื่นรู้” ของมนุษย์ต่อคุณค่าของชีวิต มันทำให้เราคิดว่า บางครั้ง “คำพยากรณ์” ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนกระดาษ แต่คือการกระทำและหัวใจที่ส่งต่อจากคนหนึ่ง…สู่อีกคนหนึ่ง
นี่คือหนึ่งในตอนจบที่ทั้งสง่างามและอิ่มหัวใจที่สุดของซีรีส์กำลังภายในยุคใหม่ — เต็มไปด้วยปรัชญาชีวิต พลังเมตตา และความงามของการให้อภัย ที่จะตราตรึงในใจผู้ชมไปอีกนาน
และถ้าคุณยังไม่เคยสัมผัสเรื่องนี้ด้วยตาตัวเอง —
อย่าปล่อยให้ “คำพยากรณ์แห่งปฐพี” ผ่านไปโดยไม่ได้ดู!
เข้าชม ซีรีส์ “ปรมาจารย์เซียนปฐพี” พากย์ไทยเต็มเรื่อง ได้แล้ววันนี้ ที่เว็บไซต์ โรงหยก (RongYok.com) 🌏🔥
เว็บดูซีรีส์จีนพากย์ไทยอันดับหนึ่งของไทย ที่รวมทุกตำนานแห่งพลัง ทุกความรัก และทุกโชคชะตาที่โลกต้องจารึก —
ดูฟรี ไม่มีล็อกตอน ไม่ต้องเติมเหรียญ ดูได้เต็มอิ่มทุกตอนเหมือนอยู่ในยุทธภพจริง!